อยู่บางพลีมานานอยากหาวันว่างๆซักวันเข้ากรุงไปเที่ยวซักหน่อย อยากชวน เจ๊เปาไปด้วยแต่แกไม่เคยว่างซักที แกมีงานตลอดตั้งแต่เกิด เหมือนแกเกิดมาเพื่อเป็นซุปตาร์ไงไม่รู้ แต่ก็ช่างแกเถอะแกไม่ว่างเดี๋ยวเราไปเองก็ได้ นานๆ จะว่างที่ไปวันเดียวต้องจัดให้สาแก่ใจ แต่จะไปใหนดีผับบาร์ก็ไม่เปิดตอนกลางวันซะด้วยงั้นเปลี่ยนแผนไปสาย ชิว–สายศิลปะ ก่อนดีกว่าตกเย็นค่อยหาที่จิบแบบเท่ ๆ หน่อยก็ดี
จุดหมายที่ถนนเจริญกรุงแต่บ้านอยู่บางพลีมาทำอะไรที่นี่เข้ากรุงทั้งทีด็ต้องเที่ยวให้สมกับความรู้น้อยๆที่เรามีซักหน่อย
ที่นี่เป็นถนนสายแรกของกทม.เค้าเลยนะ มันมีมนต์ขลัง มันเก่า–แก่ มีทั้ง วัดไทย–วัดตริสต์ อาหาร ไทย–จีน รวมถึง งานศิลปะและสถาปัตยกรรม วันนี้วันเดียวต้องเที่ยวให้ครบ
เริ่มต้นในช่วงเช้าก็กินก่อนสิคะรออะไร ร้านนี้เลย เจ้าหลง ลูกชิ้นปลา ซ. เจริญกรุง 42/1 เมนูหลักของร้านคือก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาอินทรีที่ทำสดใหม่ทุกวัน ให้รสชาติ นุ่มหนึบ ไม่มีกลิ่นคาว
นอกจากนี้ยังมีลูกชิ้นแคระให้เลือกด้วย เมนูเด็ดแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา , ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ, ลูกชิ้นปลาลวกสำหรับใครที่เป็นแฟนก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาไม่ควรพลาด
ร้านนี้แต่เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งกินกันจนจุกหละเดี๋ยวจะเดินไม่ไหวบอกแล้ววันนี้กินเที่ยวทั้งวันแหละค่ะ
พอลองท้องเสร็จก็ไปเที่ยววัดตริสต์กันหน่อย ไปวัด กาลหว่าร์ หรือ วัดแม่พระลูกประคำ อยู่ติดๆกับ River City นั่นแหละคะ
เดิมทีที่ดินของวัดเป็นของชาวโปรตุเกส ซึ่งนับถือคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิกที่อพยพมาจากกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ย่าน กุฎีจีน แต่เนื่องจากไม่ยอมรับการปกครองของพระชาวฝรั่งเศส จึงได้แยกตัวมาตั้งชุมชนใหม่ในที่ดินผืนนี้ ต่อมารัชกาลที่ 1 ได้พระราชทานที่ดินให้สร้างโบสถ์หลังแรกขึ้นในปี พ.ศ.2329 ชื่อว่า โบสถ์กาลวารีโอ ตามชื่อภูเขาที่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขน และในสมัยต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น กาลหว่าร์ ส่วนโบสถ์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นโบสถ์หลังที่ 3 ที่สร้างเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 มีรูปทรงสถาปัตยกรรมแบบกอธิค คือส่วนหน้าเป็นยอดแหลมพุ่งสูง ประดิษฐานไม้กางเขนขอบซุ้มประตูหน้าต่างใช้เส้นโค้งหรือยอดแหลมคล้ายโดม
ภายในประดับด้วยกระจากสี เมื่อแสงส่องผ่านก็เกิดความสวยงาม และดูสงบเงียบ เป็นไงความรู้แน่น เค้าเขียนติดไว้ข้างวัดคะ สวยมากแต่แดดร้อนหน่อย
แต่นี่ก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว เราไปหาอาหารพวกไข่ตุ๋นชีส ป่อเปี๊ยะปู ปูจ้า กุ้งพันอ้อย กินกันดีกว่าหิวแล้ว เด๋ยวช่วงค่ำๆค่อยกลับมาหาร้านนั่งจิบ แถวนี้อีกที
เด๋ยวเข้าไปหลบแดดรับแอร์ใน River City หน่อยก็ดี
ที่นี่เค้ามีจักรยาน ให้เช่าด้วยนะ เอาไปปั่นเที่ยวชมย่านเจริญกรุงได้แบบชิลๆหรือจะเลือกต่อเรือเพื่อไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆก็ได้
หรือเดินเล่นชมงานศิลปะกันไปพลางก่อนก็ได้
แต่นี่ก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว เราไปหาอาหารพวกไข่ตุ๋นชีส ป่อเปี๊ยะปู ปูจ้า กุ้งพันอ้อย กินกันดีกว่าหิวแล้ว เด๋ยวช่วงค่ำๆค่อยกลับมาหาร้านนั่งจิบอะไรเย็นๆ แถวนี้อีกที
มื้อเที่ยงที่ร้าน Harmonique ซ.เจริญกรุง 34 ร้านนี้ไม่ได้อยู่ติดถนนนะคะ ใครที่มาแล้วเจอทางเข้าวัดไม่ต้องตกใจมาถูกแล้วค่ะตรงเข้ามเจอตึกแถว 2 ชั้น อายุเป็น 100 ปี เรียงรายกัน 5 หลังอยู่ขวามือ นั่นแหละค่ะ
ภายในถูกตกแต่งตามจินตนาการของ 3 พี่น้องเจ้าของร้านที่ชอบทั้งการปรุงและการตกแต่ง ทำให้บรรยากาศในร้านมีความเป็นบ้าน ถูกใจชาวต่างชาติทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหารที่มีหลากหลายทั้งไทย จีน ฝรั่ง จุดเด่นของร้านที่ชวนให้สะดุดตาอีกอย่างคือต้นไทร ที่มีรากปกคลุมร้านให้ดูขรึมเข้มน่าเข้าไปค้นหา สมกับชื่อร้านที่เป็นภาษาฝรั่งเศส Harmonique ที่แปลว่าทุกอย่างสวยงามสดชื่น
การจัดเสริฟก็ใช้ภาชนะที่ดูหลากหลายที่มาให้กลิ่นอายแบบจีนไทยพม่าเวียดนามใครที่ชอบบรรยากาศเงียบๆโรแมนติกมีช่วงเวลาได้พูดคุยแบบไม่เร่งรีบร้านนี้น่าจะต้องถูกใจแน่นอน
หลังจากอิ่มเอมกันแล้วก็ไปไหว้พระเสริมสิริมงคลที่วัดยานนาวา วัดนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เดิมชื่อว่า วัดคอกควาย เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้รับการยกย่องเป็นพระอารามหลวงในช่วงกรุงธนบุรี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดให้สร้างพระอุโบสถหลังเล็กขึ้นถวาย และทรงพระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่ทางวัด พร้อมทั้งทรงพระราชดำริว่า ชื่อวัดคอกควยไม่เหมาะสม จึงพระราชทานนามให้เรียกชื่อวัดเสียใหม่ว่า “วัดคอกกระบือ”
จนต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถวัดยานนาวา และทรงให้สร้างสำเภาพระเจดีย์แทนสถูปเจดีย์ทั่วไป เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้เห็นรูปแบบเรือสำเภาที่กำลังจะหมดไปจากเมืองไทยในสมัยนั้น และพระราชทานนามวัดใหม่ ว่า “วัดญานนาวาราม” นอกจากสำเภาพระเจดีย์แล้ว ยังมีอาคารมหาเจษฎาบดินทร์ที่มีพระบรมสารีกธาตุจาก 8 ประเทศและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ประดิษฐานอยู่ เปิดให้ประชาชนได้เข้าไปสักการะบูชาได้ (ภายในห้ามถ่ายรูป) บนชั้น 3 ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วอันเชิญมาจากวัดพระธาตุเขี้ยวแก้วเมืองเคนดี้ประเทศศรีลังกา ความรู้แน่นค่ะ
ใช้สมองมากก็หิวบ่อย ไปกิน ติ่มซำระดับโรงแรม ราคาเบาๆ โดยเชฟห้าดาว ยิป ยุน เคยียง เชฟติ่มซำเก่าโรงแรมแชงกรีลากันดีกว่า
ร้านตวง ติ่มซำ เป็นร้านติ่มซำห้องแถวขนาด 1 คูหาริมถนนเจริญกรุง ใกล้กับปากซอย 77/1 ติ่มซำที่นี่จะนึ่งและทำกันสดๆ ให้เห็นที่หลังร้าน มีที่นั่งไม่มากเพียงไม่กี่โต๊ะ รูปแบบบริการจะเหมือนร้านติ่มซำข้างทางในฮ่องกง
เมนูเด็ดที่ห้ามพลาด อย่าง ซาลาเปาลาวา มีไส้ให้เลือกมากมาย
ฮะเก๋า ขนมจีบกุ้ง เสี่ยวหลงเปา ก๋วยเตี๋ยวหลอด
ใครชอบแบบเมนูทอด ก็มีซาลาเปาทอด เผือกทอด หรือเกี๊ยวทอดก็มีให้เลือกชิมในราคาเบา
แดดร่ม ลมตกแล้วไปถ่ายรูปริมแม่น้ำที่ Asiatique The River Front กันค่ะที่นีถือเป็นจุดไฮไลท์ของย่านนี้เลย
ในอดีตคือท่าเรือระหว่างประเทศแห่งแรกของสยาม ย้อนไปในช่วงปี 1884 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประเทศในเอเชียต้องอยู่ภายใต้การคุกคามของการรุกรานจากมหาอำนาจยุโรป พระองค์ได้มีความคิดริเริ่มที่จะยกระดับสยามให้ไปถึงประเทศชั้นนำของโลกและตัดสินใจที่จะสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเดนมาร์ก นำไปสู่การก่อสร้างท่าเรือ ของบริษัท อีสต์เอเชียติก ซึ่งทำธุรกิจในการส่งออกไม้สัก โดยมี Mr.Hans Nille Anderson สัญชาติเดนมาร์ก เป็นเจ้าของบริษัท ท่าเรือแห่งนี้จึงกลายเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของการทำการค้าระหว่างประเทศ ระหว่างราชอาณาจักรไทยและประเทศยุโรปเรื่อยมา และยังเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาสยามให้ยังคงรักษาอธิปไตยและความเป็นอิสระไว้ได้จนทุกวันนี้ปัจจุบัน Asiatique The River Front ได้ถูกปรับปรุงจากท่าเรือรกร้าง ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีเอกลักษณ์และกลิ่นอายของท่าเรือในสมัยก่อน โดยการปรับปรุงอาคารเก่าและรักษาโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมในสภาพเดิมไว้ เช่น หลุมหลบภัยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 , รางรถโบราณ, โรงเลื่อยเก่า, เครนโรงเลื่อย, ซุ้มโกดังสินค้า,ท่าเรือประวัติศาสตร์และเครนยกของริมน้ำ เพื่อเป็นการสะท้อนวิถีชีวิตริมแม่น้ำเจ้าพระยาในก่อน
โดยในส่วนต่างๆ นั้นก็ได้ถูกปรับให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร ที่มีความหลากหลายพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ภายในก็ได้แบ่งเป็นย่านต่างๆ อาทิ ย่านเจริญกรุง , ย่านเมืองเก่า, ย่านโรงงาน และย่านริมน้ำ ที่เป็นจุดไฮไลท์สำหรับการถ่ายรูป กันเลยทีเดียว ที่นีมีนั่งชิลพร้อมอาหารนานาชาติ อยู่หลายร้านแต่วันนี้เราจะกลับไปที่ร้านร้าน 80/20 เอ็ทตี้ ทเวนตี้ ปากซ.เจริญกรุง 26 กันก่อนอยู่ตรงทางเข้า River City นั่นแหละค่ะเค้าเปิดตอนเย็น
เรียกได้ว่าเป็นสีสันใหม่อีกหนึ่งร้านของถนนเจริญกรุง โดยฝีมือเชฟมากประสบการณ์จากแคนาดา ที่เลือกปรุงอาหารบบหลายสัญชาติ ด้วยคอนเซ็ปต์การใช้วัตถุดิบของไทย 80% ร่วมกับของนอกอีก 20% ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อร้าน วัตถุดิบที่ถูกเลือกมาใช้จะถูกหมุนเวียนเปลี่ยนเป็นเมนูต่างๆ ไปเรื่อยๆ แบบไม่ซ้ำกัน เมื่อได้วัตถุดิบ การสร้างสรรค์เมนูของแต่ละวันก็จะเกิดขึ้น เรียกว่าเป็น Catch of the Day ซึ่งในคราวนี้คือ
ปลากุเลาย่างเสิร์ฟคู่กับผักดอง ให้รสชาติเหมือนแกงส้ม ในหน้าตาใหม่แบบอาหารฝรั่ง อีกหนึ่งเมนู คือ สลัดปูเสิร์ฟบนผักทูน เนื้อปูเต็มคำ เคล้ากับรสเปรี้ยวของซอสและเนื้อกรอบเบาของผัดทูนเข้ากันลงตัว
ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มคอกเทล PB&Thai ที่เป็นการประยุกต์เอาเมนูไหมไทยมาผสมกับเหล้ารัมและผลไม้ตระกูลเบอรี่และพีนัทไซรัปคอคอกเทลน่าจะถูกอกถูกใจไม่น้อยบรรยากาศเป็นอีกสิ่งที่ถูกผสมความเป็นไทยเข้าไว้ใน
การตกแต่งทั้งการใช้ของตกแต่งบานประตูตัวหนังสือต่างๆถูกผสมกันเป็นบรรยากาศร้านยามค่ำคืนที่นั่งสบายๆอีกร้านหนึ่ง
วันนีเรามาเที่ยวกันตามประสาคนมาไกลเวลาน้อย การเดินทางอาจ กลับไป –กลับมา เพราะขึ้นอยู่กับ เวลาเปิด–ปิดของแต่ละสถานที่ แต่ถ้ามาตามลายแทงของเรารับรองได้เลยว่าทุกทท่านจะได้เจอกับขุมทรัพย์แห่งความสุข ในวันพักผ่อนแน่นนอน เอาไว้วันหน้าค่อยพาไปเที่ยวกันใหม่นะวันนี้ต้องกลับบ้านแล้วจะเอาเสื้อคอกระเช้าที่ได้มาจากAsiatiqueไปฝากเจ๊เปาแกหน่อย แล้วพบกันใหม่นะคะ ขอบคุณและสวัสดีค่ะ
ร้าน Harmonique ซ.เจริญกรุง 34 ร้านเปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น. โทรศัพท์ 02 237 8175
ร้าน 80/20 เอ็ทตี้ ทเวนตี้ ปากซ.เจริญกรุง 26 ร้านเปิดทุกวัน เวลา 17.00-24.00 น. โทรศัพท์ 087 593 1936
ร้านตวง ติ่มซำ ร้านหยุดทุกวันอังคาร เปิดเวลา 07.00-17.00 น. โทรศัพท์ : 089 6030908
เจ้าหลง ลูกชิ้นปลา ซ. เจริญกรุง 42/1 ร้านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-21.30 น. โทรศัพท์ 089 1199 447 , 02 234 7499