Modern Industrial Style
Townhome สมัยใหม่ที่ฉีกกรอบภาพของบ้าน townhome ในรูปแบบเดิมหมดสิ้น ตอบสนองกับ lifestyle คนรุ่นใหม่ ที่งานกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน นำเสนอเป็น Home office 4 ชั้นที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และพลังของคนรุ่นใหม่ ตกแต่งทั้งภายนอกและภายในในแบบ “Modern industrial style” ที่ผสมผสานระหว่างรูปแบบของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มีองค์ประกอบตรงไปตรงมาและเรียบง่าย กับการใช้วัสดุประเภทคอนกรีตเปลือยและโครงเหล็ก ประกอบกับการใช้สอยพื้นที่ยังถูกออกแบบให้มีความ flexible สามารถจัดวาง function ทั้ง retail shop ,office และส่วนพักอาศัยให้เป็นสัดส่วนได้แม้อยู่ภายในอาคารเดียวกัน
Design focus
– Polished cement floor :
ในส่วนของพื้นที่ที่ค่อนข้างเป็น public ได้แก่ retail shop และ office ใช้วัสดุเป็น Polished cement หรือพื้นปูนเปลือยขัดมัน ซึ่งเหมาะสมกับพื้นที่มีการใช้งานมาก เพราะดูแลรักษาง่าย ทำความสะอาดง่าย ทนรอยขีดข่วน และยังมีราคาถูก แต่พื้นผิวก็อาจจะควบคุมได้ยากกว่า โดยขึ้นอยู่กับฝีมือของช่างทั้งหมด พื้นปูนแบบนี้ยังทำให้ look ของทั้งห้องมีความดิบเท่ห์ เหมาะกับ Industrial style ที่ตั้งใจจะใช้
_________________________________________________________________________________________________________
– Exposed ceiling :
Exposed ceiling เป็นวิธีการออกแบบฝ้าที่เป็นที่นิยมของการตกแต่งแบบ loft หรือ industrial look โดยเป็นการเปิดฝ้าโล่ง โชว์โครงสร้างของอาคาร ซึ่งจะเห็นทั้งคานและแผ่นพื้นของชั้นด้านบน ข้อดีของการทำ Exposed ceiling แบบนี้นั่นก็คืองานระบบ เช่นสายไฟและท่อแอร์จะกลายเป็นอีก element ของการตกแต่ง ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้เมื่อเวลาระบบมีปัญหาจะสามารถแก้ไขได้เลย โดยที่ไม่ต้องเปิดฝ้าเพื่อดูเหมือนกับฝ้ายิปซั่มฉาบเรียบแบบบ้านปกติ
_________________________________________________________________________________________________________
– Sliding panel :
ในส่วนของ Retail shop และ Office space มีการออกแบบให้ใช้รางม่านได้อย่างเกิดประโยชน์ ด้วยการออกแบบให้เป็นบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่สามารถเลื่อนไปมาตามต้องการได้ บานเลื่อนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นบอร์ดสำหรับติด mood ในการคิดงาน หรือติดโปสเตอร์ตกแต่งที่เกี่ยวกับร้าน ถือเป็นการสร้าง mood image ให้กับ space ที่เป็นที่น่าจดจำและใช้งานได้จริง นอกจากนั้นบานเลื่อนเหล่านี้ยังสามารถเป็นตัวบังแดดให้กับภายในบ้านจากภายนอกได้อีกด้วย
_________________________________________________________________________________________________________
– Curtain partition :
ด้วยความต้องการให้ layout เป็นแบบ open plan เพื่อให้เกิดความ flexible จึงหลีกเลี่ยงการกั้นห้องแบบถาวร การกั้นส่วนพื้นที่ด้วยม่านจึงถูกเลือกมาใช้ ด้วยม่านทำให้เกิด mood ของห้องที่ cozy และ relax รวมทั้งยังสามารถใช้งานได้ง่าย แม้ว่าจะไม่ได้กันเสียง แต่สามารถปรับเปลี่ยน space ตามความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับบานเลื่อน
_________________________________________________________________________________________________________
– Loose furniture :
การออกแบบ office และ showroom สิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆนั่นก็คือ ความ flexible ของพื้นที่ เนื่องจากจะต้องปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาตามการใช้งานที่เปลี่ยนไป เฟอร์นิเจอร์ในส่วนนี้ที่เลือกใช้จึงควรเป็น Loose furniture หรือเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวที่สามารถยกและเปลี่ยนตำแหน่งได้สะดวก
_________________________________________________________________________________________________________
– New working space :
office หรือสำนักงานในรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะเป็น office ทำงานเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์หรือ creative office นั้น มักมีลักษณะการทำงานที่ต้องการการทำงานเป็นกลุ่ม (brainstorm) มากกว่า การจัด layout ในส่วนนี้จึงมักไม่เป็นแบบโต๊ะทำงานที่เป็น fix desk หรือโต๊ะทำงานประจำที่เป็นคอกตามที่เคยเห็นทั่วไปแล้ว แต่จัดเป็นแบบ Hot desk หรือ โต๊ะทำงานที่แชร์กันได้ โดยมีลักษณะเป็นโต๊ะขนาดใหญ่ ที่ผู้ทำงานสามารถนำ notebook มาวางและนั่งทำงานตรงไหนก็ได้ และยังปรับเปลี่ยนการใช้งานให้เป็นโต๊ะประชุมและโต๊ะรับประทานในกรณีที่มีงานเลี้ยงได้อีกด้วย
Tips
เมื่อออกแบบฝ้าเป็นแบบ Exposed ceiling ทำให้ไม่สามารถใช้ไฟ downlight ประเภท recessed หรือฝังได้ เนื่องจากไม่มีระยะของฝ้า ดังนั้นจึงต้องใช้ไฟประเภทโคมห้อยหรือไม่ก็ไฟ downlight ประเภท surface mounted ที่ต้องเป็นโคมติดกับแผ่นพื้นแทน